นิวคาสเซิ่ล
สาลิกาดงไม่แพ้เลยตลอด 5 นัดเหย้าหลังสุดในลีก ตั้งแต่แพ้ อาร์เซน่อล ในเกมเปิดซีซั่น (ชนะ 2 เสมอ 3)
กุนซือ สตีฟ บรูซ ได้รับข่าวดี เมื่อ ฟาเบียน แชร์ จะกลับมาฟิตอีกครั้ง และมีโอกาสคืนสนามเป็นครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์ ขณะที่ ฟลอริย็อง เลอเฌิน ก็กลับมาเป็นตัวเลือกได้แล้วเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แม็ตต์ ริทชี่ ยังต้องพักถึงเดือนมกราคม เนื่องจากเข้ารับการผ่าตัดข้อเท้าเป็นครั้งที่สอง จากอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนสิงหาคม
แมนฯ ซิตี้
ทีมเรือใบเสียประตูแรกมาตลอด 3 นัดหลังสุดในลีก พวกเขาไม่เคยตกเป็นฝ่ายตามหลังก่อนยาวนานขนาดนี้มาก่อนเลยตั้งแต่ที่เคยมีสถิติ 5 นัดติดในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน ปี 2012
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือชาวสแปนิชจะต้องเปลี่ยนแปลงทีมอย่างน้อย 1 ตำแหน่ง เนื่องจาก เซร์คิโอ อเกวโร่ มีอาการบาดเจ็บต้นขามาจากนัดพบ เชลซี
นอกจากนี้ ในรายของ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้, เอมเมอริก ลาปอร์กต์ และ ลีรอย ซาเน่ ยังคงต้องพักยาว
11 ตัวจริงตามคาด
นิวคาสเซิ่ล (5-4-1) : มาร์ติน ดูบราฟก้า – ดีอังเดร เยดลิน, เฟเดริโก้ เฟร์นานเดซ, เคียแรน คล้าร์ก, พอล ดัมเม็ตต์, เยโทร วิลเล่มส์ – มิเกล อัลมิรอน, ไอแซ็ค เฮย์เด้น, จอนโจ เชลวี่ย์, อัลล็อง แซงต์ มักซิแม็ง – โชเอลินตอน
แมนฯ ซิตี้ : (4-3-3) : เอแดร์ซอน – ชูเอา กานเซโล่, จอห์น สโตนส์, แฟร์นันดินโญ่, แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ – เควิน เดอ บรอยน์, โรดรี้ เอร์นานเดซ, ดาบิด ซิลบา – ริยาด มาห์เรซ, กาเบรียล เชซุส, ราฮีม สเตอร์ลิง
ผู้ตัดสิน : คริส คาวานาฟ
เกร็ดน่าสนใจ
– แมนฯ ซิตี้ เอาชนะได้ 23 จาก 27 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก
– แมนฯ ซิตี้ มีสกอร์รวมสูงกว่า 2.5 ถึง 12 จาก 14 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก
– แมนฯ ซิตี้ ยิงได้อย่างน้อย 2 ประตูถึง 12 จาก 14 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก
– มีสกอร์รวมสูงกว่า 2.5 ตลอด 3 นัดหลังสุดที่ทั้งสองทีมพบกันรวมทุกรายการ
– นิวคาสเซิ่ล ไม่แพ้เลยตลอด 5 นัดเหย้าหลังสุดในพรีเมียร์ลีก